ทำความรู้จักกับยาลดปวดฟันที่ต้องมีในครัวเรือน

ทำความรู้จักกับยาลดปวดฟันที่ต้องมีในครัวเรือน

ทำความรู้จักกับยาลดปวดฟันที่ต้องมีในครัวเรือน

อาการปวดฟันถือเป็นสิ่งที่หลายคนเกลียดที่สุด แต่หากเกิดขึ้นมาแล้ว เราสามารถใช้ยาลดปวดฟันเพื่อบรรเทาอาการได้ โดยเฉพาะยาที่ควรมีติดบ้านไว้ ซึ่งเราจะมาแนะนำให้รู้จักกันในวันนี้

  1. พาราเซตามอล (Paracetamol)

    ทำความรู้จัก:
    พาราเซตามอลเป็นยาลดปวดที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในการบรรเทาอาการปวดฟันก็เช่นกัน โดยมันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดและไข้

    ข้อดี:

    • ใช้ได้ง่ายและปลอดภัยถ้าใช้ตามขนาดที่แนะนำ
    • ไม่มีผลกระทบต่อกระเพาะอาหารเหมือนยากลุ่ม NSAIDs

    วิธีใช้:

    • ผู้ใหญ่: 500-1000 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่เกิน 4000 มิลลิกรัมต่อวัน
    • เด็ก: ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

  1. ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen)

    ทำความรู้จัก:
    ไอบูโปรเฟนเป็นยากลุ่ม NSAIDs ซึ่งมีทั้งฤทธิ์ลดปวดและลดอาการอักเสบ จึงมีความเหมาะสมสำหรับบรรเทาอาการปวดฟันที่เกิดจากการอักเสบ

    ข้อดี:

    • ช่วยลดอาการบวมและอักเสบร่วมด้วย
    • มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว

    วิธีใช้:

    • ผู้ใหญ่: 200-400 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่เกิน 1200 มิลลิกรัมต่อวัน
    • เด็ก: ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความปลอดภัย

  1. แอสไพริน (Aspirin)

    ทำความรู้จัก:
    แอสไพรินเป็นอีกหนึ่งยาในกลุ่ม NSAIDs ที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดและอักเสบ โดยเฉพาะในอาการปวดฟัน

    ข้อควรระวัง:

    • ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อโรค Reye’s syndrome
    • ผู้ที่มีประวัติแผลในกระเพาะอาหารควรหลีกเลี่ยง

    วิธีใช้:

    • ผู้ใหญ่: 325-1000 มิลลิกรัมทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่เกิน 4000 มิลลิกรัมต่อวัน

  1. ยาชาเฉพาะที่ (Topical Analgesics)

    ทำความรู้จัก:
    ยาชาที่ใช้ทาบริเวณฟันหรือเหงือกสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ทันที โดยมักมีสารที่ช่วยระงับความรู้สึก

    ข้อดี:

    • ลดอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว
    • ใช้ง่าย ไม่ต้องใช้วิธีการภายในร่างกาย

    วิธีใช้:

    • ทาบริเวณฟันหรือเหงือกที่มีอาการปวด ตามคำแนะนำบนฉลาก

สรุป

การมียาลดปวดฟันที่เหมาะสมติดบ้านไว้ถือเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทนกับอาการปวดฟันที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน อย่างไรก็ตาม การใช้ยาแต่ละชนิดควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และหากอาการไม่ดีขึ้นหรือต่อเนื่อง ก็ควรไปพบหมอฟันเพื่อหาส Ursขอเชิงลึกต่อไป

สุขภาพฟันที่ดีคือสุขภาพกายที่ดี อย่าลืมพาไปตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำด้วยนะ!